|
|
โรคเริม เป็นโรคผิวหนัง ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายก็จะเกิดการแบ่งตัว จึงทำให้ผิวหนังในบริเวณนั้นบวมเป็นตุ่มน้ำและมีอาการอักเสบ และหลังจากนั้นเชื้อก็จะไปอยู่ในปมประสาท เมื่อไหร่ก็ตามที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง หรือเชื้อถูกกระตุ้นจากปัจจัยแวดล้อม ซึ่งได้แก่ แสงแดด ความเครียด หรือประจำเดือน ก็จะทำให้กลับมาเป็นซ้ำได้อีก สำหรับอาการเริ่มต้นของโรคเริมนั้น ผู้ป่วยจะเริ่มด้วยความรู้สึกเจ็บ ๆ ตึง ๆ และคันในบริเวณที่เป็น หลังจากนั้นภายในเวลา 24 ชั่วโมง ก็จะเริ่มมีลักษณะเป็นตุ่มพองใส อาการของโรคเริมจะเหมือนกับเวลาที่โดนน้ำมันกระเด็นใส่ จากนั้นตุ่มก็จะแตกกลายเป็นแผลตื้น ๆ ตกสะเก็ดแล้วก็หายไปในที่สุด ส่วนบริเวณที่ติดเชื้อโรคเริมได้บ่อยที่สุดคือ บริเวณริมฝีปาก และบริเวณอวัยวะเพศ จึงจัดว่า โรคเริมเป็นโรคติดต่อทางเพศ ซึ่งโรคเริมสามารถพบได้ในทุกส่วนของร่างกาย ในบางราย อาจมีตุ่มเริมขึ้นตามต้นขา ต้นแขน และนิ้วมือ เป็นต้น ยารักษาโรคเริม ยาที่ใช้ในการรักษาโรคเริมนั้นอยู่ 3 แบบ ซึ่งยาทั้ง 3 แบบนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เพียงแต่ช่วยลดอาการรุนแรงของโรคให้ลดลงได้ ซึ่งจะช่วยลดความถี่และลดระยะเวลาที่เป็น สำหรับยาทั้ง 3 แบบนี้ได้แก่ Acyclovir, Valacyclovir, Famiclovir โดยการให้ยาก็มีอยู่ 2 ลักษณะคือ 1.Acute therapy หมายถึง การเริ่มให้ยาตั้งแต่เริ่มมีอาการ กล่าวคือ ผู้ป่วยเริ่มรู้สึกปวดแสบ ปวดร้อน ตั้งแต่ยังไม่มีผื่นขึ้น ถ้ามีผื่นขึ้นจะไม่ได้ผล และจะต้องให้ยาครบ 5 วัน 2.Suppress therapy คือ การให้ยา เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ จะเลือกให้ในบางรายที่กลับมาเป็นซ้ำบ่อย ๆ หรือมีโรคประจำตัว |
|
|
สุขภาพจิต |
เลือดออกในสมอง |
โรคเวียนศีรษะ |
โรคอัลไซเมอร์ |
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ |
โรคสมองอักเสบ |
อาการปวดปวดประสาท |
โรคสมาธิสั้น |
เด็กออทิสติก |
โรคเครียด |
โรคกระดูกพรุน |
โรคข้อเสื่อม |
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ |
โรคปีกมดลูกอักเสบ |
หนองในเทียม |
การติดเชื้อหูด |
โรคเริม |
แผลริมอ่อน |
ฝีมะม่วง |
ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา |
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ |
ไวรัสตับอักเสบบี |
ไวรัสตับอักเสบซี |
เซลลูไลท์ |
ผื่นแพ้ยา |
มะเร็งผิวหนัง |
โรคลมชัก |
ข้อมูลเกี่ยวกับโรคต่างๆ รวบรวมมาจากเอกสารแผ่นพับจากโรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพทั่วไป เพื่อให้รู้ลักษณะของโรคและสาเหตุ และการรักษาเบี้องต้นในการดูแลสุขภาพ เมื่อทราบสาเหตุและอาการป๋วย ว่าเป็นโรคอะไร ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชื่ยวชาญตามสถานพยาบาลต่างๆ อย่าปล่อยไว้ให้เนิ่นนาน อาจจะทำการรักษายากขึ้นและใช้เวลานานในการรักษา |
|
|
|
|
|
|